Quote ตามรูปด้านล่างนี้ครับ “It doesn’t make sense to hire smart people and then tell them what to do; we hire smart people so they can tell us what to do.”
ถ้าแปลเป็นไทยในเชิงความหมายคือ มันไม่น่าจะใช่นะถ้าเราจะจ้างคนเก่งๆ มาร่วมทำงานกับเราแล้วเรายังจะต้องเป็นคนสั่งให้เขาทำนู่นนั่นนี่ ต้องอย่าลืมว่า เราจ้าง “คนเก่งหรือคนมีความสามารถสูง” เข้ามา เพื่อที่จะให้มาช่วยทำงานที่เราไม่ถนัด โดยที่เขาจะต้องสามารถบอกเราได้ว่าควรจะต้องทำอะไร ยังไงบ้าง เพื่อที่จะจัดการในเรื่องนั้นๆ ได้ตามเป้าหมายที่เราอยากได้
ความหมายของประโยคนี้ มีนัยยะสำคัญต่อคนหลายๆ กลุ่มค่อนข้างมาก (ตามช่วงอายุ) ผมวิเคราะห์ออกมาหลายๆ ประเด็นดังนี้
 |
|
Credit รูป : https://goo.gl/gVVqLW |
สำหรับคนที่อยู่ในวัยเพิ่งเริ่มทำงานหาประสบการณ์ (วัยที่อยู่ในอายุสัก 20 ต้นๆ )
-
วัยนี้เป็นวัยทำงาน เพื่อเก็บเกี่ยว ฝึกทักษะและหาประสบการณ์หลายๆ อย่าง แน่นอน ทั้ง hard-skill และ soft-skill ซึ่งช่วงแรกๆ ของการทำงาน ก็ต้องเรียนรู้งาน และ กระบวนการทำงานจาก Mentor หรือ หัวหน้าทีม อันนี้เป็นเรื่องปกติ ช่วงแรกๆ คงอยู่ในฐานะ ลูกมือ ไปก่อน ทำงานที่ได้รับ assign
-
แต่ประเด็นที่สำคัญคือ อย่าหลงใช้ชีวิต อยู่ในโหมด passive ลูกมือ แบบนี้ ตลอดไปจนติดเป็นนิสัยติดตัวไม่ว่าจะย้ายงานไปที่ไหนก็ตาม ผมหมายถึง ทำตัวในลักษณะที่ต้องให้หัวหน้า มาสั่ง มาบอก ให้ทำงานนั้นนู้นนี่ อยู่ตลอดเวลา
-
เพราะถ้าหากมัวหลงทำงานในรูปแบบนี้ ไปนานๆ จนอายุ 30 แล้ว ก็ยังเล่นโหมดแบบนี้ มันจะขัดกับ Quote ของ Steve Jobs ด้านบนครับ ซึ่งจะไม่ถูกจัดให้เป็น Smart people หรือคนเก่งความสามารถสูงแน่นอน เมื่อไม่เข้ากลุ่ม Smart people แล้ว โอกาส โตในสายงาน หรือ มีการล่าตัว ที่ค่าตัวสูง มันมีโอกาสเกิดน้อยมากๆ
- ดังนั้นแล้ว คนเพิ่งเริ่มทำงาน เมื่อทำงานมาได้สักระยะ ให้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และ พยายามผลักดันตัวเอง ให้ทำงานในโหมด Proactive เชิงรุก และ เป็นผู้เชี่ยวชาญ มีทักษะสูง (เป็นของจริง ว่าง่ายๆ) สามารถบอกผู้บริหารได้ว่า งานไหน มันจะต้องอะไรยังไง ใช้เวลาเท่าไร มี แผนสำรองอย่างไร ผมค่อนข้างเชื่อมั่นเลยว่า ถ้าพัฒนารูปแบบการทำงาน จนสามารถบอกได้คล่องแบบนี้ โอกาสโตในสายงาน หรือ มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนั้นๆ มันทำได้ง่ายๆ ไม่ยากเลย ค่าตัวสูงขึ้นตามแน่นอน
สำหรับผู้จ้างงาน หรือ หัวหน้าทีม Manager Role, Management Role
-
แน่นอนครับ ถ้าสวมหมวกนี้ เราจะรู้กันอยู่แล้ว ว่างานในองค์กรหนึ่งๆ เราต้องการคนหลายลักษณะ มาทำงานนั้นๆ จะต้องมีทั้ง Smart People และ Normal People อยู่ ในที่ทำงานด้วยกันอยู่แล้ว มันเป็นไปได้ยากมาก ที่จะมี super stars, dream team ทุกคนเป็น Smart people กันหมดทั้งองค์กรมาอยู่รวมกัน โอกาสเกิดขึ้นยากมาก โดยสถิติ ทีนี้ ประเด็นคือ ถ้าคุณจ้างคนเก่งความสามารถสูงเข้ามา (Smart People) ก็อาจจะจำเป็นที่จะต้องพิจารณาตาม Steve Jobs Quotes ข้างต้นครับ ว่าค่าตัวที่จ่ายไป และ ลักษณะที่เราปฏิบัติกับ Smart People เหล่านี้ มัน ใช่หรือไม่
-
แน่นอนกับกลุ่ม Smart People เรายอมจ่ายสูงครับ แต่เราก็ต้องใช้คนเหล่านี้ ให้ถูกลักษณะด้วยเช่นกัน เพราะถ้าจัดเป็น Smart People แล้ว เราไปใช้งานคนเหล่านี้แบบตามใจเรา เราสั่งนู่นนั่นนี่ ส่วนใหญ่ Smart People เหล่านี้ จะอยู่กับพฤติกรรมแบบนั้นของเราไม่ค่อยได้นานหรอกครับ เพราะ คนเหล่านี้ เขาจะมีรูปแบบ วิธีคิด เชิงรุก และ มีอะไรในใจอยู่แล้ว ที่จะทำตามแผนของเขา (ความเชื่อมั่นจะสูง เพราะเขา expert ในสายงานนั้นๆ) ถ้าเราไปสั่งการหรือแทรกแทรง ซึ่งถ้ามัน ตรงกับอะไรในใจของ Smart people อยู่แล้ว มันก็โอเค แต่ถ้ามันขัด มันจะไม่ค่อยลงตัวกันเท่าไร และพอไม่ลงตัวก็ให้ยึดตามคำสั่งเราเป็นหลักโดยไม่มีการคุยกันด้วยเหตุผล การวิเคราะห์แบบลึกๆ มันจะอยู่กันไม่ยาวแน่ๆ เราจำเป็นที่จะต้องมี พื้นที่อิสระ ให้คนเหล่านี้ ทำงาน เพื่อแสดงศักยภาพออกมา
- และเนื่องจากเรายอมจ่ายค่าตัวสูงให้กับ Smart People แล้ว ถ้าเขา Smart จริงๆ เขาจะนำเสนอ แผนวิธีทำงาน วิธีปฏิบัติอะไรต่างๆ ใน งานที่อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของเขาออกมา โดยที่เรา ไม่ต้องไปทำอะไรมาก แค่ฟังและตัดสินใจ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ พวก Smart People จะ off-load งานของเราไปได้เยอะมาก แต่ถ้าเขาไม่ใช่ตัวจริง ก็ไม่ควรใช้เวลานานนะครับ เพราะแทนที่งานนั้นจะได้ Smart People ตัวจริงมาทำงาน แต่มันไม่ใช่ ก็จะเสียผลประโยชน์ต่อธุรกิจเปล่าๆ จ่ายก็แพง 🙂
ก็เป็นบทวิเคราะห์ในความเห็นส่วนตัวนะครับ หากมีความเห็นในมุมอื่นๆ ก็เรียนเชิญ comment เข้ามากันได้นะครับ
Life Experience Sharing by Wat Suttiwat 